เมนู

5. สมาทปกสูตร



ว่าด้วยฐานะ 3 อย่าง



[515] ครั้งนั้น ท่านอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ฯลฯ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะท่านอานนท์ว่า อานนท์ ท่านทั้งหลายจะพึง
เอ็นดูบุคคลใด และบุคคลเหล่าใดจะพึงเชื่อฟัง เป็นมิตรอมาตย์ ญาติหรือ
สาโลหิตก็ตาม บุคคลเหล่านั้น ท่านทั้งหลายพึงชักชวนให้ตั้งมั่นอยู่ในสถาน
3 เถิด ในสถาน 3 คืออะไร คือ ในความเลื่อมใสอันหยั่งลงด้วยรู้พระคุณ
ในพระพุทธเจ้าว่า อิติปิ โส ภควา ฯลฯ ภควา ในความเลื่อมใสอัน
หยั่งลงด้วยรู้พระคุณในพระธรรมว่า สฺวากฺขาโต ... ฯลฯ วิญฺญูหิ ในความ
เลื่อมใสอันหยั่งลงด้วยรู้พระคุณในพระสงฆ์ว่า สุปฏิปนฺโน ฯลฯ โลกสฺส.
อานนท์ ความแปรแห่งมหาภูต 4 คือธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม
ธาตุไฟ พึงมีได้ แต่ความแปรแห่งอริยสาวกผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอัน
หยั่งลงด้วยรู้พระคุณในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ไม่พึงมีเลย
นี้ความแปรในข้อนั้น คือ อริยสาวกผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันหยั่งลง
ด้วยรู้พระคุณในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์นั้นน่ะ จักไปนรกหรือ
กำเนิดดิรัจฉานหรือเปตติวิสัย ดังนี้ นี่มิใช่ฐานะจะมีได้เลย
อานนท์ ท่านทั้งหลายจะพึงเอ็นดูบุคคลใด และบุคคลเหล่าใดจะพึง
เชื่อฟัง เป็นมิตร อมาตย์ ญาติ หรือสายโลหิตก็ตาม บุคคลเหล่านั้น ท่าน
ทั้งหลายพึงชักชวนให้ตั้งมั่นอยู่ในสถาน 3 นี้เถิด.
จบสมาทปกสูตรที่ 5

อรรถกถาสมาทปกสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในสมาทปกสูตรที่ 5 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อมจฺจา ได้แก่ อำมาตย์ผู้มีใจดี. บทว่า ญาติ ได้แก่ญาติ
ฝ่ายปู่ ย่า ตา ยาย. บทว่า สาโลหิตา ได้แก่ญาติผู้ร่วมสายโลหิต มีพี่ชาย
น้องชาย พี่สาว น้องสาวเป็นต้น. บทว่า อเวจฺจปฺปสาเท ความว่า มีความ
เลื่อมใสอันไม่หวั่นไหว ที่เกิดขึ้นโดยหยั่งรู้ถึงคุณทั้งหลาย.
บทว่า อญฺญถตฺตํ ได้แก่ความเป็นอย่างอื่นจากความเป็นจริง. พึง
ทราบวินิจฉัยในบทว่า ปฐวีธาตุยา เป็นต้นดังต่อไปนี้ ปฐวีธาตุที่เป็นธาตุ
มีอาการเข้มแข็ง ในโกฏฐาส 20 อย่าง (พึงมีความเป็นอย่างอื่นไปได้)
อาโปธาตุที่เป็นน้ำ เป็นธาตุเกาะกุม ในโกฏฐาส 12 อย่าง (พึงมีความ
เป็นอย่างอื่นไปได้) เตโชธาตุ ที่เป็นธาตุแผดเผาในโกฏฐาส 4 อย่าง (พึงมี
ความเป็นอย่างอื่นไปได้) วาโยธาตุ ที่เป็นธาตุพัดผัน ในโกฏฐาส 6 อย่าง
(พึงมีความเป็นอย่างอื่นไปได้).
ด้วยบทว่า สิยา อญฺญถตฺตํ น เตฺวว พระอานนท์เถระเจ้า
แสดงว่า จริงอยู่ มหาภูตรูปทั้ง 4 เหล่านี้ พึงมีความเป็นอย่างอื่นไปได้
เพราะเข้าถึงความเป็นอัญญมัญญปัจจัย แต่สำหรับพระอริยสาวกไม่มีความเป็น
อย่างอื่นไปได้เลย.
ก็ในพระสูตรนี้ บทว่า อญฺญถตฺตํ ได้แก่ความเป็นอย่างอื่น โดย
ความเลื่อมใส และความเป็นอย่างอื่นโดยคติ เพราะว่าทั้ง 2 อย่างนั้น ไม่มีแก่
พระอริยสาวก มีแต่ความเป็นอย่างอื่นโดยสภาพ อธิบายว่า พระอริยสาวกที่
เป็นมนุษย์ ไปเป็นเทวดาก็มี ไปเป็นพรหมก็มี แต่ความเลื่อมใสของพระ-